ประวัตินักกอล์ฟที่มีชื่อเสียงในอดีต

ประวัติศาสตร์ของกีฬากอล์ฟในอดีตนั้นถูกจุดประกายให้เจิดจรัสด้วยตัวนักกอล์ฟในอดีต ซึ่งเป็นผู้ที่เล่นด้วยทักษะความชำนาญ ประวัติของนักกอล์ฟต่อไปนี้ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของนักกอล์ฟทั้งในอดีตจนกระทั่งปัจจุบันที่ช่วยกันสร้างสีสัน ให้กับกีฬากอล์ฟให้รุ่งเรืองและประสบผลสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้

Allan Roberson (1815-1859)

เขาเป็นนักกอล์ฟคนแรกที่เป็นที่รู้จักของประชาชนและเป็นคนแรกที่สามารถทำคะแนนต่ำกว่า 80 ได้ในการเล่นที่สนาม St. Andrew ปี 1858 ซึ่งในสมัยนั้นการทำคะแนนได้แบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ เขาเติบโตจากครอบครัวนักกอล์ฟอาชีพที่ทำการผลิตลูกกอล์ฟขนนกที่ St. Andrew นั่นเอง ซึ่งถึงแม้ในเวลาต่อมา ลูกกอล์ฟได้พัฒนาไปสู่การใช้ยางในการผลิต แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงการผลิตแต่อย่างใด ซึ่งเป็นฉนวนสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างตัวเขาและหุ้นส่วนของเขาเองที่ชื่อ Tom “Old” Morris ในเวลาต่อมา         เขาได้ชื่อว่าเป็นนักกอล์ฟที่ไม่เคยแพ้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานชัดเจนแต่เมื่อใดที่เขาเล่นจับคู่กับ Tom “Old” Morris แล้วไม่เคยแพ้คู่ใดเลย โดยเฉพาะการเล่นระหว่างคู่เขากับพี่น้อง Dunn ที่ดังที่สุดเพราะชนะ 2 หลุมหลังจากตามหลังอยู่ 4 หลุมขณะที่เหลือการเล่นอีก 8 หลุม        เขาเสียชีวิตในปี 1859 เพียงปีเดียวก่อนที่การแข่งขันกอล์ฟรายการ British Open จะจัดการแข่งขันขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ร้านค้าและคลับเฮาส์ในสนาม St. Andrew ปิดทำการทันทีเพื่อไว้ลัยเขาทันทีที่ทราบข่าวการเสียชีวิตของเขา

“Old” Tom Morris (1821-1908)

Tom Morris ผู้ซึ่งเป็นผู้พ่อมีชื่อเสียงในตำนานกอล์ฟในอดีตเพราะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตลูกกอล์ฟ ที่ได้รับการฝึกฝนมาจาก Allen Robertson ต่อมาเปลี่ยนฐานะเป็นหุ้นส่วน และเกิดความขัดแย้งในธุรกิจกัน ท้ายที่สุด นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นนักกอล์ฟฝีมือระดับยอดเยี่ยมอีกคนหนึ่งของโลกในยุคนั้น เป็นผู้มีส่วนริเร่มในการจัดการแข่งขันกอล์ฟรายการใหญ่ The British Open ขึ้นมาและจัดครั้งแรกในปี 1860 ที่ Prestwick เขาชนะการแข่งขันในปี 1861, 1862, 1864, 1867

เขาเป็นที่รู้จักดีเมื่อเป็นผู้กล่าวคำนี้ “ถ้าแข่งกับ Allan Robertson ผมยังรู้วิธีที่จะสู้เขาได้ แต่กับลูกชายผมแล้วผมหมดปัญญา” เขาหมายถึง “Young” Tom Morris ลูกชายของเขาซึ่งต่อมากลายเป็นยอดฝีมือที่เล่นกอล์ฟได้เก่งอย่างเหลือเชื่อ

เขาทำงานเป็นผู้ดูแลรักษากรีนให้กับ St. Andrew จนกระทั่งสิ้นชีวิตในปี 1908 เมื่อเดินพลาดตกบันไดหน้าคลับเฮ้าส์ที่ St. Andrew Tom Morris อายุได้ 87 ปี

ทุกๆ ปีที่สนาม St. Andrew จะมีวันหยุดซึ่งตรงกับวันเสียชีวิตของเขาเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่ทำคุณงามความดีต่อสนามแห่งนี้ รูปปั้นครึ่งตัวของเขาตั้งอยู่ที่หน้าคลับเฮ้าส์ในปัจจุบัน

Major Championships: 4 • British Open: 1861, 1862, 1864, 1867 Awards and Honors: Member, World Golf Hall of Fame

“Young” Tom Morris (1851-1875)

เขาเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดคือ 17 ปี ที่ชนะรายการ British Open ในปี 1868 และยังไม่เคยมีใครทำลายสถิตินี้ได้และสามารถทำ Hole In One ได้ในรายการเดียวกันนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกของ British Open ชัยชนะในรายการนี้ยังมีอีกในปี 1869, 1870 พร้อมกับรับเข็มขัดแชมป์(สมัยนั้นรางวัลชนะเลิศยังไม่ใช่ถ้วยแบบปัจจุบัน) เป็นกรรมสิทธิ์เพราะชนะสามปีซ้อน

ส่วนในปีต่อมาไม่มีการแข่งขันเพราะไม่มีถ้วยรางวัลที่จะมอบให้ผู้ชนะ จนกระทั่งในปี 1872 เขาชนะเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์เพราะถ้วยรางวัลคือถ้วย Claret Jug (รูปทรงเหยือกใส่เหล้าองุ่นแดง) ใบเดียวกับที่ใช้ในปัจจุบัน ชื่อแรกที่สลักไว้จึงเป็นชื่อของเขานั่นเอง

เขาเสียชีวิตลงเพราะตรอมใจในเวลา 1 ปี ต่อจากที่ภรรยาของเขาต้องเสียชีวิตลงเนื่องมาจากการคลอดบุตรด้วยอายุเพียง 24 ปี ศพของเขาได้รับการฝังไว้ใน St. Andrew นั่นเอง

Major Championships: 4 • British Open: 1868, 1869, 1870, 1872 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame

Willie Park Junior (1864-1925)

เป็นแชมป์รายการ British Open ปี 1887, 1889 เป็นลูกของ Willie Park ผู้ซึ่งเป็นแชมป์ในปี 1863, 1866, 1875 และลุงของเขา Mungo Park คือผู้ที่สามารถเอาชนะ Tom Morris “Young” ได้ในปี 1874 เขาเป็นนักกอล์ฟที่ชนะรายการแข่งขันอื่น ๆมากมาย ถือเป็นนักกอล์ฟที่คนรู้จักกันมาก

ช่วงหลัง Willie Park Junior ออกมาทำงานออกแบบสนามกอล์ฟและเป็นนักกอล์ฟอาชีพคนแรกในปนะวัติศาสตร์ที่เขียนตำรากอล์ฟออกวางจำหน่ายชื่อ The Game Of Golf ปี 1896 หลังจากที่ได้ประดิษฐ์ลูกกอล์ฟแบบ 56-side ขึ้นมา

Major Championships: 2 • British Open: 1887, 1889

สามนักกอล์ผู้ยิ่งใหญ่ (The Triumvirate)

ในช่วงประมาณ 21 ปีนับจากปี 1894 จนกระทั่งถึงช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้นมีนักกอล์ฟอยู่ 3 คนที่ทรงอิทธิพลต่อกีฬากอล์ฟและสร้างกระแสความนิยมมากคือ John Taylor, Harry Vardon, James Braid เขาทั้ง 3 ครองแชมป์รายการ British Open รวมกันไม่ต่ำกว่า 16 ครั้ง

John Taylor (1871-1963)

รู้จักกันในชื่อ “J.H” เล่น British Open ครั้งแรกเมื่อปี 1893 อายุได้ 22 ปี แต่เป็นแชมป์ในปีถัดมาซึ่งเป็นปีแรกที่การแข่งขันจัดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ สนาม Royal St. George’s ชนะทั้งหมด 5 ครั้งและเป็นชาวอังกฤษคนแรกที่ชนะรายการนี้ ชนะรายการ French Open 1908, 1909 และชนะรายการ German Open ปี 1912      เป็นคนที่มีส่วนอย่างมากในการจัดตั้ง British Professional Golfer’s Association ขึ้นและได้รับรางวัลเกียรติยศจาก R&A Golf Club หลายรางวัลในช่วงบั้นปลายของชีวิต

Major Championships:5 • British Open: 1894, 1895, 1900, 1909, 1913 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame • Captain, Great Britain Ryder Cup team, 1933

Harry Vardon (1870-1937)

มีชื่อเสียงอย่างมากเพราะการจับกริฟในลักษณะ Overlaping ที่นิยมที่สุดในปัจจุบันได้ต้นแบบมาจากเขา ถึงแม้ว่าข้อมูลยังไม่แน่ชัดว่าเขาคิดค้นขึ้นเองหรือไม่ แต่การจับตามแบบของวาร์ดอน ทำให้เขาเป็นผู้นำในการแข่งขันอยู่ได้ถึง 25 ปี เขาชนะรายการ British Open 6 ครั้ง ครั้งแรกในปี 1896 และครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1914       ในช่วงที่เขาเดินทางไปอเมริกาเพื่อประชาสัมพันธ์ลูกกอล์ฟของเขาเองชื่อ Vardon Flyer เขาชนะรายการ US Open ในปี 1900 เลย เมื่อเปรียบเทียบกันทั้งสามคนเชื่อว่าเขาจะเล่นได้ดีกว่าอีก 2 คนอยู่เฉลี่ย 2 แต้มต่อรอบ เขาเป็นนักกอล์ฟที่ได้ชื่อว่าเป็นประเภท “นักตีที่รุนแรง” (Striker) คนหนึ่ง มีอยู่หลายครั้งที่เขาออกรอบตอนบ่ายแล้วลูกที่เขาตีจะไปอยู่ในรอย Divot ของเขาเองที่เล่นในตอนเช้า การเล่นในช่วงบั้นปลายของอาชีพเขาประสบปัญหาเรื่อง “Yip” เพราะพัตต์ระยะ 3 ฟุตพลาดอยู่เสมอ

Major Championships:7 • British Open: 1896, 1898, 1899, 1903, 1911, 1914 • U.S. Open: 1900 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame 1974

James Braid (1870-1950)

เป็นที่รู้จักน้อยที่สุดในบรรดา 3 ผู้ยิ่งใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามเขาเป็นคนแรกที่ผู้คนรู้จักในนามผู้ชนะรายการ British Open ได้ 5 ครั้งและเป็นชาว Scott ที่มีชื่อเสียงมากในอังกฤษ เริ่มต้นด้วยการเปิดร้านซ่อมแซมไม้กอล์ฟ และเล่นกอล์ฟชนะบ่อยๆ จัดเป็นหนึ่งในผู้เริ่มก่อตั้ง สมาคมนักกอล์ฟอาชีพขึ้นและยังเป็นยอดนักออกแบบสนามกอล์ฟด้วยซึ่งมีผลงานการออกแบบ The King’s course at Glaneagles

Major Championships:5 • British Open: 1901, 1905, 1906, 1908, 1910 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame

Walter Hagen (1892-1969)

ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้นกีฬากอล์ฟได้เริ่มขยายความนิยมสู่อเมริกา เขาเป็นผู้ที่สร้างสีสันให้กับวงการกอล์ฟในอเมริกามากที่สุดในยุคนั้น ด้วยการเป็นเสมือนนักแสดงชั้นยอดด้วยการเล่นที่โดดเด่น การแต่งกายที่มีเอกลักษณ์ เรื่องราวที่เป็นที่กล่าวขานกันมากที่สุดคือครั้งแรกที่เขาเดินทางจากอเมริกาไปแข่งรายการ British Open ที่ St. Andrew ปี 1920 ในตอนนั้นผู้จัดไม่อนุญาติให้นักกอล์ฟอาชีพเข้าไปใช้คลับเฮ้าส์ เขาเลยไปเช่ารถเบนซ์มาหนึ่งคันพร้อมคนขับและพนักงานบริการ ให้ขับมาจอกที่หน้าคลับเฮ้าส์และทำหน้าที่รับของสัมภาระและกระเป๋ากอล์ฟเมื่อเขาเล่นจบครบ 18 หลุม        เขาเคยชนะรายการ British Open ถึง 4 ครั้ง ได้แก่ปี 1922, 1924, 1928, 1929 ชนะรายการ US Open 2 ครั้ง ได้แก่ปี 1914, 1919 และชนะรายการ USPGA 5 ครั้ง        เขาเคยเป็นกัปตันทีมไรเดอร์คัพถึง 6 ครั้ง จนกระทั่งมีผู้ถามเสมอว่าในการแข่งขันแต่ละครั้งใครจะได้ที่สอง เขาเดินทางรอบโลกเพื่อโชว์ฝีมือการเล่นของเขาและใช้ชีวิตน่าสนุกสนานตื่นเต้น อย่างมหาเศรษฐีคนหนึ่ง ชีวประวัติของเขาได้ถูกจัดทำเป็นหนังสือซึ่งกลายเป็นหนังสือที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มีนักเขียนคนหนึ่งเคยเขียนไว้ว่า “สิ่งที่ Walter Hagen แตกต่างจากนักกอล์ฟคนอื่นๆ คือ เขาชนะแต่คนอื่นไม่ชนะ”        ยังมีเรื่องความเป็นคนที่ไม่ค่อยกังวลใจกับสิ่งใดของ Watter Hagen อีกเรื่องที่โด่งดังมากคือ ในคืนก่อนที่เขาจะได้แชมป์รายการ British Open ปี 1929 นั้นเขานั่งเล่นไพ่อยู่จนกระทั่งเกือบสว่างมีผู้ใกล้ชิดหวังดีขอให้เขาไปพักผ่อนบ้าง เพราะต้องออกรอบตอนเช้าและบอกว่าคู่แข่งคนสำคัญของคุณนอนพักผ่อนไปตั้งแต่หัวค่ำแล้ว เขาหันกลับไปและตอบว่า “เชื่อเถอะ เขานอนไม่หลับหรอก”

Tour Victories: 58 - PGA TOUR  45 - Other          13 Major Championships: 11 • U.S. Open: 1914, 1919 • British Open: 1922, 1924, 1928, 1929 • PGA Championship: 1921, 1924, 1925, 1926, 1927 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame • Captain of each of the first 6 U.S. Ryder Cup teams

Bobby Jones (1902-1971)

เขาเป็นบุคคลที่โลกยกย่องว่าเป็นนักกอล์ฟที่ดีที่สุดในโลก บางคนไม่เห็นด้วยและเชื่อว่าเขาน่าจะเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่นที่ดีที่สุดในโลกต่างหาก แต่กับตัวเขาเองที่เมื่อโดนถามว่ารู้สึกอย่างไรกับการได้ชื่อว่า เป็นนักกอล์ฟที่ดีที่สุดในโลก เขาตอบว่า ไม่รู้สิ นักกอล์ฟที่ดีที่สุดในโลกเป็นผู้หญิง (เขาหมายถึง Joyce Wetherd) แต่จากสถิติและผลงานของเขาเองทำให้บุคคลทั่วไปเชื่อว่าเขาเป็นนักกอล์ฟที่ดีที่สุดเพราะระยะเวลาในการเล่นเพียง 7 ปี ก่อนอายุ 30 ปี (1923-1930) เขาได้สร้างผลงานไว้มากมายแชมป์ British Open 3 ครั้ง, US Open 4 ครั้ง, US Amateur Championship 5 ครั้งและ British Amateur Championship ในปี 1930 ปีที่เขาชนะพร้อมกันทั้ง 4 รายการซึ่งในสมัยนั้นเรียกว่า Grand Slam

หลังจากนั้นขาได้ประกาศเลิกการแข่งขันอย่างเป็นทางการแต่ยังคงเล่นเพื่อการพักผ่อน เขาเป็นผู้เริ่มก่อตั้งสนาม Augusta National Golf Club สถานที่แข่งขันรายการ The Master ในปัจจุบัน มีเรื่องที่เล่าขานกันมากอยู่เรื่องหนึ่งว่า 6 ปีหลังจากที่เลิกแข่ง เขาเดินทางไปเล่นที่ St. Andrew เพื่อพักผ่อนแต่ข่าวนี้รู้ถึงผู้คนในที่นั้น จึงไม่แปลกใจที่เมื่อเขาเริ่มทีออฟจากหลุมแรกนั้นมีผู้คนดูมากกว่า 2000 คนและเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เมื่อเขาเล่นหลุมต่อๆ ไป และเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เขาได้เขียนจดหมายบรรยายถึงการต้อนรับในวันนั้นของ St. Andrew ว่า ในชีวิตเขาๆได้รับสิทธิ์และความยินดีมากมายแต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกดีและลืมไม่ได้คือ วันที่ได้รับการต้อนรับจากผู้คนในการเล่นที่ St. Andrew ในวันนั้นซึ่งทำให้มีความรู้สึกว่าชีวิตของเขานั้นได้เติมเต็มกับความสุขที่สุดแล้ว

Major Championships: Professional: 7 • U.S. Open: 1923, 1926, 1929, 1930 • British Open: 1926, 1927, 1930 Amateur: 6 • U.S. Amateur: 1924, 1925, 1927, 1928, 1930 • British Amateur: 1930 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame • Named to 5 U.S. Walker Cup teams • Captain, U.S. Walker Cup team, 1928, 1930v • Founder, Augusta National Golf Club • USGA's annual award for sportsmanship is named the Bobby Jones Award

Gene Sarazen (1902-1999)

เป็นนักกอล์ฟที่สูงเพียง 163 ซม. เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนในสนาม Fort Wayne Club ก่อนที่จะเริ่มลงแข่งขันในรายการ US Open ในปี 1920 ด้วยเงินลงขันของสมาชิกสนามและอีกสองปีต่อมาเขาก็ชนะในรายการนี้และรายการ USPGA ในปีเดียวกันซึ่งในตอนนั้น USPGA ยังคงเป็นการเล่นแบบ Match Play ซึ่งเขามีอายุได้เพียง 20 ปีและยังคงชนะอีกครั้งในปีต่อมา แต่หลังจากนั้นเป็นช่วงที่เขามีปัญหาเกี่ยวกับวงสวิงที่พยายามที่จะชดเชยบางสิ่งให้ดีขึ้น เนื่องจากเป็นคนที่มีรูปร่างไม่สูง       ปี 1932 เขาข้ามไปคว้าแชมป์รายการ British Open ในปี 1934 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการจัดการแข่งขันรายการ The Master ขึ้นแต่เขาเข้าร่วมการแข่งขันในปีต่อมา การแข่งขันครั้งนี้เขายังตามหลัง Craig Wood อยู่ 3 แต้ม เหลืออีก 4 หลุมเมื่อขึ้นหลุม 15 เขาตีหัวไม้ออกไปได้ดี และขึ้นช็อตที่ 2 ด้วยหัวไม้ 4 ระยะ 235 หลา ลูกตกหน้ากรีนและวิ่งลงหลุมไปได้ Albatross ทำให้คะแนนเสมอกัน จนกระทั่งจบและชนะการ Play Off ในวันถัดมา      ทำให้เขากลายเป็นนักกอล์ฟคนแรกในประวัติศาสตร์ ของโลกที่สามารถครองแชมป์รายการใหญ่ได้ครบทั้ง 4 รายการคือ The Open, US Open, USPGA และ Master ภาพที่เป็นที่จดจำของผู้คนคือภาพการทำ Hole in one ในหลุมที่ 8 ที่มีชื่อเสียง

Tour Victories: 48 - PGA TOUR   38 - Other           10 Major Championships: 7 • Masters: 1935 • U.S. Open: 1922, 1932 • British Open: 1932 • PGA Championship: 1922, 1923, 1933 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame 1974 • Recipient, PGA Distinguished Service Award • Member of 6 U.S. Ryder Cup teams

Henry Cotton (1907-1987)

คือนักกอล์ฟอังกฤษที่ดีที่สุดในยุคระหว่างนั้นหลังจากที่ James Braid, Harry Vardon หมดยุคไป การชนะรายการ The Open 3 ครั้ง ถ้าไม่มีสงครามโลกครั้งที่ 2 มาขัดจังหวะ เขาคงชนะการแข่งขันมากกว่านี้ เขาเป็นผู้เล่นในทีมไรเดอร์ดัพ 3 ครั้งและเป็นกัปตันทีมไรเดอร์คัพ 2 ครั้ง ในปี 1934 ทำสถิติต่ำสุดที่ผู้เล่นเคยทำได้ที่ 65 ทำให้เขากลายเป็นนักกอล์ฟที่โด่งดังมากในอังกฤษ       บริษัทผลิตลูกกอล์ฟ Dunlop ผลิตลูกกอล์ฟ Dunlop 65 ขึ้นมาเพื่อเป็นที่ระลึกให้เขา ครองแชมป์อีก 2 ครั้งในปี 1937, 1948       คอตตอน มีส่วนทำให้สถานภาพของนักกอล์ฟอาชีพสูงขึ้น โดยเรียกร้องค่าธรรมเนียมได้สูงขึ้น ให้สภาพสนามดีขึ้น จนกระทั่งนักกอล์ฟอาชีพเป็นที่ยอมรับของสมาคมกอล์ฟทั่วไป

Tour Victories:   37 • PGA Tour: 4 (including his British Open titles) • European Tour: 30 Major Championships:3 • British Open: 1934, 1937, 1948 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame 1980 • Member, 4 Great Britain Ryder Cup teams • Captain, Great Britain Ryder Cup team, 1947 and 1953

Sam Snead (1912-2002)

เขาชนะทุกรายการใหญ่และเล็กที่สำคัญทั้งหมด ยกเว้น US Open ที่วาสนาไปไม่ถึงดวงดาวถึง 4 ครั้ง ปี 1939 ในหลุมสุดท้ายต้องการแต้มแค่ 5 เขาก็จะได้เป็นแชมป์ แต่เขาจบหลุมนี้ด้วย 8, ปี 1947 แพ้การเล่น Play-off ให้กับ Lew Worsham 1 แต้ม เขาเล่นกอล์ฟได้ดีจนกระทั่งอายุมากถึง 62 ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้เขาเล่นได้เช่นนี้ เพราะวงสวิงที่สวยงาม คลาสสิก และลื่นไหลนั่นเอง จนเขาได้ฉายาว่า “ Slamming” เขาชนะรายการ British Open ปี 1946 หลังจากคว้าแชมป์ USPGA ปี 1942 ซึ่งต่อมาครองอีก 2 ครั้ง, แชมป์รายการ Master 3 ครั้ง ร่วมครองถ้วยอเมริกันไรเดอร์อีก 8 ครั้ง โดยเป็นกัปตันทีมเอง 3 ครั้ง และการครองแชมป์รายการ Senior อีกถึง 6 ครั้ง ระหว่างปี 1964-1973 จนกระทั่งช่วงสุดท้ายในการเล่นได้ประสบปัญหา Yip คือพัตต์พลาดในระยะสั้นจึงพยายามเปลี่ยนวิธีการพัตต์เป็นแบบ ยืนค่อมลูก จนเป็นที่ฮือฮาอยู่ระยะหนึ่ง       ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของนักกอล์ฟอีกคนหนึ่งคือ ความหายนะของนักกอล์ฟอีกคนหนึ่งเป็นสิ่งคู่กัน ไม่อาจแยกออกจากกันได้ในปี 1939 หลุมสุดท้ายรายการ US Open ซึ่ง Sam Snead ต้องการสกอร์เพียงแค่ 5 ก็จะได้แชมป์ แต่ตีหลุดออก 8 พลาดการเป็นแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย อีกคนคือ Jack Maclean ผู้เล่นรายการสมัครเล่นทีม Walker Cup ของอังกฤษนำ 1 แต้มในการเล่นรายการ US Amateur Championship หลุมสุดท้ายปี 1936 แต่ Johnny Fishcher ตี 2 ครั้งลงหลุมชนะหลุมสุดท้ายทำให้คะแนนเสมอกันและเล่น Play-off ชนะไปในที่สุด

Tour Victories: PGA TOUR  82 (Tied 1st all time) (Snead won an estimated 160 professional tournaments in all.) Major Championships: 7 • Masters: 1949, 1952, 1954 • British Open: 1946 • PGA Championship: 1942, 1949, 1951 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame 1974 • Recipient, PGA Tour Lifetime Achievement Award • 3-time PGA Tour money leader • 4-time PGA Tour Vardon Trophy winner • Member of 8 U.S. Ryder Cup teams • 3-time captain of U.S. Ryder Cup team

Byron Nelson (1912-1997)

ไบรอน เนลสัน ชนะการแข่งขันกอล์ฟมาสเตอร์ 2 ครั้ง ยูเอส พีจีเออีก 2 ครั้ง และยูเอสโอเพ่น 1 ครั้ง ผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะจำไบรอน เนลสัน ได้ดี เพราะในปี ค.ศ.1944 เขาเข้าร่วมแข่งขัน 23 ครั้ง ชนะไป 13 ครั้ง และชนะ 18 ครั้ง จากการเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 30 ครั้ง ในอเมริกา แถมยังเป็นที่ 2 อีก 7 ครั้ง ในปี ค.ศ.1945 สโตรคเฉลี่ยของเขาอยู่ที่ 63.33 ซึ่งหาใครเทียบเท่าได้ยาก สองปีต่อมาเขาก็อำลาจากการแข่งขัน เพื่อสอนและบรรยายการแข่งขันกอล์ฟทางโทรทัศน์

Tour Victories: 64 - PGA TOUR  52 - Other         12 Major Championships: 5 • Masters: 1937, 1942 • U.S. Open: 1939 • PGA Championship: 1940, 1945 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame 1974 • Associated Press Male Athlete of the Year, 1944 and 1945 • PGA Tour Vardon Trophy winner, 1939 • PGA Tour leading money winner, 1944, 1945 • Member of 2 U.S. Ryder Cup teams • Captain, U.S. Ryder Cup team, 1965

Ben Hogan (1912-1997)

เป็นนักกอล์ฟที่เริ่มต้นค่อนข้างจะนานกว่าคนอื่นที่จะประสบผลสำเร็จ ซึ่งใช้เวลากว่า 7 ปี ก่อนที่จะชนะรายการแรก แต่เมื่อเข้าสู่ยุคทองของเขาในเวลาต่อมา เขาได้กลายเป็นนักกอล์ฟที่ดีที่สุดในโลกในยุคนั้น ชนะรายการใหญ่ USPGA ปี 1946, 1948 และ US Open ปีเดียวกันคือปี 1948 แต่อีกปีต่อมาคือ 1949 เดือนกุมภาพันธ์เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรงส่งผลให้หลายคนคิดว่าเขาอาจจะไม่สามารถเล่นกอล์ฟได้อีกตลอดชีวิต        แต่เขาไม่คิดเช่นนั้นและค่อยๆ กลับมาเล่นเบาๆ และซ้อมทีละน้อยและเข้าแข่งขันในปีต่อมา 1950 พร้อมกับสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนโดยการคว้าแชมป์รายการ US Open มาครองได้สำเร็จอีกครั้งในการกลับมาและสามารถสร้างความมหัศจรรย์ด้วยการครองแชมป์ทั้งรายการ US Open, Master ในปี 1953 ในปีนั้นเขาตัดสินใจเดินทางไปแข่งรายการ British Open ทั้งๆ ที่เขาเป็นนักกอล์ฟที่ไม่ชอบการเดินทางเลย ที่สนาม Carnoustie ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นสนามที่ยากที่สุดในประเทศอังกฤษและก็ไม่ผิดหวังเมื่อเขาสามารถครองแชมป์รายการนี้ได้ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกอล์ฟคนแรกในโลกที่สามารถครองแชมป์รายการใหญได้ 3 รายการในปีเดียวกันคือปี 1953 หากการแข่งขันรายการใหญ่อีกรายการคือ USPGA ได้เปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันมาเป็นแบบปัจจุบันคือ Stroke Play ไม่ได้เล่นแบบ Match-Play 36 หลุมต่อวันเขาคงอาจได้แชมป์อีกรายการ เขาตัดสินใจไม่เข้าแข่งเพราะไม่มั่นใจในพลังขาที่ได้รับอุบัติเหตุว่าดีพอ แต่อย่างไรก็ตามถือได้ว่าเขาคือ นักกอล์ฟที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่ง

Tour Victories: 71  - PGA TOUR  64 - Other          7 Major Championships: 9 • Masters: 1951, 1953 • U.S. Open: 1948, 1950, 1951, 1953 • British Open: 1953 • PGA Championship: 1946, 1948 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame 1974 • PGA Tour money leader 5 times • PGA Tour Vardon Trophy winner 1940, 1941, 1948 • PGA Tour Player of the Year 1948, 1950, 1951, 1953 • Member of 2 U.S. Ryder Cup teams • Captain, U.S. Ryder Cup team, 1947, 1949, 1967

Bobby Locke ( 1917-1987)

เป็นนักกอล์ฟชาวอัฟริกาใต้ที่เด่นดังมากในสมัยนั้น มีชื่อในการพัตต์ที่ยอดเยี่ยม เริ่มเล่นกอล์ฟตั้งแต่อายุยังน้อยและคว้าแชมป์รายการ South African Open ได้ 5 ครั้งในการเล่น 6 ปีจาก 1935-40 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่ม เขาได้รับใช้ชาติด้วยการเป็นนักบินทิ้งระเบิดจนกระทั่งสงครามสงบและเดินทางไปเล่นกอล์ฟในอเมริกา ซึ่งลักษณะการตีของเขาไม่น่าชนะการแข่งขัน เพราะเขาตีลูกที่สปินหรือหมุนอย่างน่าใจหายใจคว่ำ และโค้งจากขวาไปซ้ายอยู่เสมอๆ อย่างไรก็ตามจากการที่เข้าแข่ง 59 รายการ เขาชนะมากกว่า 13 รายการในระยะเวลา 2 ปี หลังจากนั้นเขาเดินทางไปแข่งที่ยุโรปและคว้าแชมป์รายการ British Open 4 ครั้งในปี 1949, 1950, 1952, 1957        เขาเป็นนักกอล์ฟที่ชอบแต่งกายแบบมีสีสัน เสื้อผ้าฉูดฉาด กางเกงทรงลุง หมวกสีขาวแต่ไม่ได้รับความสนใจเท่าไรนัก ในช่วงหนึ่งของการเล่นในอเมริกา เขาได้รับการต่อต้านและเตือนอยู่เสมอเรื่องการเล่นช้าของเขา แต่เขาเคยท้าพนันกับทุกคนว่าเขาคือผู้เล่นที่เล่นได้เร็วที่สุดในโลกถ้านับเวลาจากระยะ 6 ฟุตก่อนที่จะถึงลูกจนกระทั่งตีลูกออกไปแล้ว ในปี 1959 เขาได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้สายตามีปัญหาและได้เลิกเล่นไปในที่สุด

Tour Victories: 94 • PGA Tour: 15 • Other     : 29 • South African Tour: 50 Major Championships: 4 • British Open: 1949, 1950, 1952, 1957 Awards and Honors: Member, World Golf Hall of Fame : 1977

Peter Thomson (1929-2018)

มีคำถามสำหรับเขาว่าถ้าดูจากสถิติแล้วเขาถือว่าเป็นหนึ่งในนักกอล์ฟที่ดีที่สุดของโลกหรือไม่ กับการชนะรายการ British Open ถึง 5 ครั้งคือปี 1954, 1955, 1956, 1958, 1965 ซึ่งเท่ากับ Tom Watson ในปัจจุบันแต่ในการชนะ 5 ครั้งนี้เขาทำได้ติดต่อกัน 3 ปีซ้อนซึ่งไม่มีใครทำได้นอกจาก “Young” Tom Morris ในครั้งที่ 4 ปี 1957 เขาแพ้ Bobby Locke       เขาเป็นนักกอล์ฟที่มีวิถีทางการเล่นแบบผ่อนคลายมาก มีความเป็นมาตรฐานสากลและมีการควบคุมสวิงที่ดีเพียงแต่เป็นคนตีได้ไม่ไกลทำให้ต้องเสียเปรียบในการเล่น เขาเล่นกอล์ฟรายการ Senior USPGA ในช่วงบั้นปลายชีวิตการเล่นกอล์ฟ

Tour Victories:  98 • PGA Tour: 6 • European Tour: 1 • Australasian Tour: 1 • Senior PGA Tour: 11 - Other    : 79 Major Championships: 5 • British Open: 1954, 1955, 1956, 1958 and 1965 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame 1988 • Captain of International team at 1998 Presidents Cup • Recipient, Order of Australia, "for his contribution to golf and sport as well as his charity work in the community"

Arnold Palmer (1929-2016)

เป็นนักกอล์ฟที่ทำให้กอล์ฟเป็นกีฬาที่น่าติดตามมากกว่าใครๆ เขามีเสน่ห์ราวกับดาราภาพยนต์ ทำให้ประชาชนสนใจที่จะติดตามเกมกอล์ฟและมีช็อตที่ประทับใจคนดี การแก้ไขช็อตที่เลวร้ายของพาล์เมอร์เป็นที่ติดอกติดใจของผู้ชม ทำให้เกมกอล์ฟเป็นเกมที่มีผู้นิยมติดตามทางจอโทรทัศน์และมีเงินรางวัลมหาศาล มีหลายสิ่งที่วงการกอล์ฟโลกต้องขอบคุณเขาเพราะถือเป็นนักกอล์ฟผู้หนึ่งที่สร้างสรรค์วงการกอล์ฟให้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะนักกอล์ฟอเมริกันรุ่นหลังๆ         เขาชนะรายการ British Open ปี 1961, 1962 สไตล์การเล่นที่ดุดันเน้นพละกำลังและรวดเร็วทำเป็นสีสันอีกรูปแบบเฉพาะตัวของเขากับความคิดที่ว่า “หากผมสามารถมองเห็นผมก็จะสามารถตีได้และถ้าผมสามารถพัตต์มันได้ผมก็พัตต์มันลงหลุมได้” ทำให้เขาประสบผลสำเร็จมากเป็นแชมป์ Master 4 ครั้งและ US Open ปี 1960 เป็นผู้เล่นที่อยู่ในทีมที่ชนะได้รับรางวัลเวิลด์คัพถึง 6 ครั้งและได้ถ้วยเวิลด์คัพบุคคลในปี ค.ศ.1967 ยังคงมีรายการเดียวที่เขาไม่สามารถครองแชมป์ได้คือ USPGA         อาจจะกล่าวได้ว่าพาล์เมอร์เป็นผู้ทำให้กอล์ฟเป็นเกมที่มีผู้สนใจมากขึ้นในยุคนั้น

Tour Victories:  95 • PGA Tour: 62 • Senior PGA Tour: 10 - European Tour : 2 - PGA TOUR of Australasia : 2 - Other  : 19 Major Championships: Professional: 7 • Masters: 1958, 1960, 1962, 1964 • U.S. Open: 1960 • British Open: 1961, 1962 Amateur: 1 • 1954 U.S. Amateur Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame : 1974 • PGA Tour leading money winner 4 times • PGA Tour Vardon Trophy winner 4 times • PGA Tour Player of the Year 1960, 1962 • Member of 7 U.S. Ryder Cup teams • U.S. Ryder Cup captain, 1963 and 1975 • U.S. Presidents Cup captain, 1996

Gary Player (1935-)

แกรี่ เพลเยอร์ ดูจะเป็นนักกอล์ฟที่เสียเปรียบตรงรูปร่างที่สูงเพียง 5 ฟุต 7 นิ้ว ไม่น่าจะเป็นนักกอล์ฟที่โด่งดังจนสามารถต่อกรกับแจ็ค นิคลอส และ อาร์โนลด์ พาล์เมอร์ได้แต่เขามีโปรแกรมการฝึกซ้อมที่เข้มงวดและความตั้งใจจริงที่ไม่มีใครเทียบได้ในวงการกอล์ฟ แกรี่เชื่อในพระเจ้าและตัวเขาเอง ทำให้เขาก้าวไปข้างหน้าในการแข่งขันครั้งแล้วครั้งเล่าและมีชัยชนะถึง 120 ครั้ง         แกรี่ เพลเยอร์ เป็นนักกอล์ฟที่ประสบผลสำเร็จทั่วโลกมากที่สุดคนหนึ่งกับการเป็นแชมป์รายการ South African Open 13 ครั้ง, Australian Open 7 ครั้ง, British Open ปี 1959, 1968, 1974 และเป็นชาวต่างชาติคนแรกที่ชนะ Master ปี 1961, 1974 และปี 1978 ซึ่งเป็นปีที่สนุกตื่นเต้นมากเนื่องมาจากเขาทำ 7 เบอร์ดี้ใน 10 หลุมสุดท้าย, แชมป์รายการ USPGA ปี 1962,1972 รายการ US Open ปี 1965 ซึ่งปีนี้ทำให้เขาเป็นนักกอล์ฟอีกคนหนึ่งที่ชนะรายการใหญ่ครบทั้ง 4 รายการตามหลัง Gene Sarazen, ชนะรายการ World Match-Play 5 ครั้งระหว่างปี 1965-1973 ชีวิตในปัจจุบันของยังคงเป็นนักกอล์ฟที่รักษาสุขภาพและซ้อมสม่ำเสมอ

Tour Victories: • PGA Tour: 24 • Senior PGA Tour: 22 - European Tour : 4 (159 tournament wins worldwide) Major Championships: 9 • Masters: 1961, 1974, 1978 • U.S. Open: 1965 • British Open: 1959, 1968, 1974 • PGA Championship: 1962, 1972 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame : 1974 • Recipient, South African Sportsman of the Century award • PGA Tour money leader, 1961 • Captain, International team, 2003, 2005, 2007 Presidents Cup

Jack Niclaus (1940-)

วงการกอล์ฟเชื่อว่าเขาคือบุคลากรที่ดีที่สุดคนหนึ่ง นอกเหนือจากการเป็นนักกอล์ฟที่ได้ชื่อว่าเป็นนักวางแผนการเล่นที่ดีมากแล้ว เขายังเป็นนักออกแบบสนามมือดีอีกคนหนึ่ง ซึ่งออกแบบสนามต่างๆทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยก็มีอยู่หลายสนาม อายุ 19 ครองแชมป์รายการ US Amateur Championship ปี 1959 และได้รองแชมป์ US Open เพราะแพ้ Arnold Palmer ในขณะที่ยังเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่นอยู่        เริ่มเล่นอาชีพเมื่อปี 1962 และครองแชมป์ US Open ในปีนั้นเลย ตามด้วยแชมป์ Master, USPGA ในปีถัดมา 1963 และสุดท้ายชนะรายการ British Open ปี 1966, 1970, 1978 ทำให้กลายเป็นนักกอล์ฟระดับโลกอีกคนที่ชนะรายการใหญ่ครบทั้ง 4 รายการ แต่รวมสถิติที่ชนะรายการใหญ่ทั้งหมด 18 ครั้ง ชื่อเสียงของเขาดูจริงๆแล้วน่าจะโด่งดังยิ่งกว่านี้แต่เพราะเขาประสบความสำเร็จในช่วงเดียวกับ Arnold Palmer ทำให้รัศมีเขาถูกบดบังไปมากพอสมควร       ในช่วงแรกชาวอเมริกันกันไม่พอใจเท่าไรเพราะทำให้อาร์โนลด์ พาล์เมอร์หลุดจากตำแหน่งนักกอล์ฟมือ 1 ของโลก แต่ความสามารถของเขาก็ชนะใจคนได้ในที่สุด จากประสบการณ์การเล่นยิ่งนานวันยิ่งทำให้โลกรู้ว่าการวางแผนการเล่นที่ชาญฉลาดและการเล่นด้วยสมาธินั้นเป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยให้เขาประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้

Tour Victories: 117 • PGA Tour: 73 • Senior PGA Tour: 10 - European Tour : 9 Major Championships: Professional: 18 • Masters: 1963, 1965, 1966, 1972, 1975, 1986 • U.S. Open: 1962, 1967, 1972, 1980 • British Open: 1966, 1970, 1978 • PGA Championship: 1963, 1971, 1973, 1975, 1980 Amateur: 2 • U.S. Amateur: 1959, 1961 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame : 1974 • 8-time PGA Tour money leader • 5-time PGA Tour Player of the Year • Recipient, 2 "Golfer of the Century" awards • Named "Athlete of the Decade" for the 1970s by Sports Illustrated • Member of 6 U.S. Ryder Cup teams • Captain, U.S. Ryder Cup team, 1983 and 1987 • Captain, U.S. Presidents Cup team, 1998, 2003, 2005, 2007

Lee Travino (1939-)

เขาเป็นนักกอล์ฟชาวเม็กซิกันที่เริ่มเล่นกอล์ฟในขณะที่ยังเป็นนายทหารเรืออยู่เมื่อมาเล่นทัวร์ก็กลายเป็นขวัญใจของผู้ชมเพราะเป็นนักกอล์ฟที่ชอบความเฮฮา สร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่หรือช็อตมหัศจรรย์ให้เห็นอยู่เสม โดยเฉพาะรอบกรีน ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาชนะรายการ British Open เป็นครั้งที่ 2 ปี 1972 เขาทำให้อดีตแชมป์เก่าอย่าง Tony Jacklin ต้องผวาเพราะ Chip in ลงหลุม 2 ครั้งและระเบิดทรายลงหลุมเช่นกัน จนเป็นที่กล่าวขานติดตลกว่า “พระเจ้า (God) เป็นชาวเม็กซิกัน” ชนะรายการ British Open ปี 1971, 1972 ทำสถิติเป็นผู้ชนะ US Open ปี 1968 โดยตีต่ำกว่า 70 ทั้ง 4 วันซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์และปี 1971 ทำสถิติการเป็นแชมป์ British Open, Canadian Open และ US Open ภายในเวลา 21 วัน, แชมป์รายการ USPGA ปี 1974, 1984       การเล่นที่เฮฮาของเขาสร้างความสุขให้กับคนดูและนักกอล์ฟที่ออกรอบด้วยเป็นประจำแต่ก็เป็นสิ่งที่นักกอล์ฟจำนวนมากไม่ชอบเพราะเป็นการทำลายสมาธิคู่แข่ง มีนักกอล์ฟคนหนึ่งไม่ยอมออกรอบกับเขาหากเขาไม่ปรับตัวพูดให้น้อยลงและ Tony Jacklin นักกอล์ฟอังกฤษร้องขอต่อผู้จัดการแข่งขัน British Open ว่า “การเล่นควรที่จะอยู่ในบรรยากาศที่เงียบเพื่อให้นักกอล์ฟได้มีสมาธิ” เขาตอบว่า “ไม่มีปัญหา Tony ไม่ต้องพูดก็ได้ ให้ฟังเขาพูดคนเดียวก็พอ”         เขาเป็นนักกอล์ฟอีกคนที่เป็นแชมป์ไม่ครบทั้ง 4 รายการใหญ่เพราะขาด Master ทั้งนี้เชื่อว่าการเล่นของเขาไม่เหมาะกับสนาม Augusta ที่ค่อนข้างจะ Fade มากในขณะที่เขาเป็นนักกอล์ฟที่เล่น Draw เป็นธรรมชาติ ปัจจุบันนี้เขาทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายการแข่งขันทางโทรทัศน์และการเล่นกอล์ฟเป็นงานอดิเรก เขาได้รับการกล่าวขานถึงว่าเป็นนักกอล์ฟที่มีจิตใจกล้าและแน่วแน่คนหนึ่ง สำหรับตัวเขาเองนั้นคิดว่า “แรงกดดัน” ในความคิดของเขาที่จะเกิดขึ้นก็คือ การที่เล่นพนัน 10 เหรียญโดยที่รู้ว่าตัวเองมีเงินอยู่ในกระเป๋าแค่ 3 เหรียญเท่านั้น

Tour Victories:  92 • PGA Tour: 29 • Senior PGA Tour: 29 - European Tour : 5 Major Championships: 6 • U.S. Open: 1968, 1971 • British Open: 1971, 1972 • PGA Championship: 1974, 1984 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame : 1981 • PGA Tour money leader, 1970 • 5-time winner of PGA Tour Vardon Trophy • PGA Tour Player of the Year, 1971

Tom Watson (1949-)

เมื่อทอม วัตสันเริ่มแข่งขันในอเมริกา มีผู้สงสัยในความสามารถของเขา เขาทำได้ค่อนข้างดีจนเกือบจะชนะแต่แล้วก็ไม่ชนะ ในที่สุดทอมซึ่งสำเร็จการศึกษาทางด้านจิตวิทยาสามารถเอาชนะข้อบกพร่องของตัวเองจนเป็นนักกอล์ฟที่มีชื่อเสียงโด่งดัง      ชื่อเสียงของเขาที่อังกฤษนั้นดังมากกว่าที่อเมริกาบ้านเกิดเพราะการทำสถิติเทียบเท่ากับ J.H. Taylor, James Braid, Peter Thomson ด้วยการเป็นแชมป์รายการ British Open ที่เขาน่าจะทำสถิติได้เพิ่มอีกหนึ่งครั้งเมื่อเล่นมาถึงหลุม 17 ยังคงเสมอกันกับ Save Ballesteros แต่อาการผิดพลาดของเขาเริ่มขึ้นเมื่อเล่นช้อตขึ้นกรีนพลาดเลยหลุมไปไม่สามารถเก็บพาร์ได้และพัตต์หลุมสุดท้ายไม่ลงต้องแพ้ไป 2 แต้ม

Tour Victories: 70 • PGA Tour: 39 • Champions Tour: 14 - European Tour : 8 Major Championships: 8 • Masters: 1977, 1981 • U.S. Open: 1982 • British Open: 1975, 1977, 1980, 1982, 1983 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame : 1988 • PGA Tour money leader five times • PGA Tour Vardon Trophy winner three times • PGA Tour Player of the Year six times

Seve Ballesteros (1957-2011)

เป็นนักกอล์ฟชาวสเปนที่มีลักษณะการเล่นที่ติดอกติดใจผู้ชมเช่นเดียวกับอาร์โนลด์ พาล์เมอร์ หากมีการจัดรวมรายชื่อนักกอล์ฟที่มีฝีมือที่สุดของโลก หนึ่งในนั้นต้องมี Save อย่างแน่นอน เขาเป็นนักกอล์ฟที่ไม่ได้ครองแชมป์ในอเมริกามากนักแต่ในยุโรปเขาชนะ 46 รายการรวมทั้งรายการ World Match Play 4 ครั้ง         การปรากฏตัวแข่งขันครั้งแรกของเขาในรายการ British Open เมื่อจบที่ 2 ร่วมกับ Jack Niclaus โดยแชมป์เป็นของ Johny Miller แต่ต่อมาเขาก็ประสบผลสำเร็จเมื่อเป็นแชมป์ในปี 1979 และอีกสองครั้งชนะรายการ Master 1980, 1983 เขามีชื่อเสียงในเรื่องของการเล่นแก้ไขจากสถานะการณ์ที่ไม่ดีให้กลับมาดีได้อย่างน่าตื่นเต้นเสมอ เคยได้รับเกียรติให้เป็นกัปตันทีม Ryder Cup ของยุโรปปี 1997

Tour Victories: • PGA Tour: 9 • European Tour: 50 - Other  : 36 Major Championships: 5 • Masters: 1980 and 1983 • British Open: 1979, 1984, 1988 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame : 1999 • Named European Player of the Century in 2000 • Named Spanish Sportsman of the Century in 2000 • European Tour scoring leader 6 times • 8-time member, European Ryder Cup team • Captain, European team, 1997 Ryder Cup

Greg Norman (1955-)

ผู้ซึ่งสถิติโลกครั้งหนึ่งได้บันทึกไว้ถึงการครองตำแหน่งมือหนึ่งของโลกนานที่สุด แต่ได้ถูกทำลายลงโดย Tiger Woods ในเดือนสิงหาคมปี 2004 เป็นนักกอล์ฟที่มีคนสนใจตามดูมากที่สุดคนหนึ่งแต่ครองแชมป์รายการใหญ่เพียงรายการเดียวแต่ 2 ครั้งคือ British Open ปี 1986, 1993 นอกจากนั้นอยู่ที่โชคชะตาหรือปัญหาเรื่องวงสวิง จิตใจ สมาธิหรืออันใดอันหนึ่งไม่มีใครทราบได้ที่ทำให้เขาก้าวไปไม่ถึงจุดสูงสุดที่ควรจะเป็น            ปี 1986 Bob Tway ระเบิดทรายลงหลุมเอาชนะเขาได้ทั้งๆ ที่นำห่างมากในอีก 9 หลุมสุดท้ายรายการ USPGA, แพ้การเล่น Play-off ให้กับ Larry Mize ใน Master มี 1987, แพ้ Play-off ให้กับ Mark Calcavacchia รายการ British Open ปี 1989, ในรายการ USPGA ปี 1993 แพ้ Play-off ให้กับ Paul Azinger และได้ที่ 2 รายการ US Open ปี 1995 รองจาก Corey Pavin ส่วนการเล่นที่น่าจดจำมากที่สุดของเขาคือการแพ้ Nick Faldo 5 แต้มพลาดแชมป์ Master ปี 1996 ไปอย่างน่าเสียดายทั้งๆ ที่ก่อนแข่งนำอยู่ 6 แต้ม         ถึงแม้วาสนาเรื่องความสำเร็จจะไม่ดีเหมือนคนอื่นแต่เขาเป็นที่ยอมรับว่าเป็นนักกอล์ฟฝีมือดีและนักออกแบบสนามที่มีฝีมือของโลกปัจจุบัน ปัจจุบันเป็นมหาเศรษฐีของออสเตรเลียมีธุรกิจมากมายนอกจากการรับออกแบบสนามกอล์ฟแล้วยังมีธุรกิจไวน์กับเสื้อผ้าอีกด้วย

Tour Victories :  88 • PGA Tour: 20 • European Tour: 14 (88 victories worldwide) Major Championships: 2 • British Open: 1986, 1993 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame : 2001 • PGA Tour money leader, 1986, 1990, 1995 • PGA Tour Vardon Trophy winner, 1989, 1990, 1994 • PGA Tour player of the year, 1995 • 4-time member, International team, Presidents Cup

Nick Faldo (1957-)

เขาเป็นนักกอล์ฟที่ทำตัวแปลก ลึกลับและน่าฉงน เป็นคนโมโหง่ายบางครั้งกับตนเองหรือกับนักข่าวรวมถึงผู้คนทั่วไป ครั้งเป็นดาวรุ่งเมื่ออายุ 18 ครองแชมป์รายการ English Amateur Championship ต่อมาในปี 1983 เขารู้สึกว่าวงสวิงของเขาไม่ดีพอที่จะเล่นเมื่อยามมีแรงกดดันมากๆ เพื่อที่จะทำให้เขาชนะรายการใหญ่ๆ ได้จึงตัดสินใจเดินทางไปปรับวงสวิงกับ David Leadbetter ในอเมริกา      ช่วงแรงของการปรับอันดับในยุโรปของเขาตกลงอย่างน่าใจหาย แต่ไม่นานเขาสามารถที่จะคว้าแชมป์รายการ British Open ได้ปี 1987 โดยทำสถิติ 18 พาร์ติดต่อกัน ชนะ Master ปี 1989 และกลับไปชนะ British Open อีกปี 1990, 1992และย้อนกลับมาชนะ Master อีกครั้งปี 1996 ซึ่งเป็นปีที่สร้างชื่อให้เขามากเพราะตามหลัง Greg Norman อยู่ 6 แต้มก่อนเริ่มเล่นวันสุดท้ายแต่จบลงด้วยการชนะไป 5 แต้ม       หลังจากที่แยกทางกับ David แล้วเขาก็เริ่มทำธุรกิจโรงเรียนสอนกอล์ฟของตัวเอง รับออกแบบสนามกอล์ฟทำให้ฝีมือการเล่นกอล์ฟของเขาเริ่มตกลง จนกระทั่งไม่ประสบผลสำเร็จจนถึงปัจจุบัน

Tour Victories: • PGA Tour: 9 • European Tour: 30 - Sunshine Tour : 1 - Other  : 9 Major Championships: 6 • Masters: 1989, 1990, 1996 • British Open: 1987, 1990, 1992 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame : 1997 • European Tour Order of Merit winner (money leader), 1983, 1992 • European Tour scoring leader, 1983, 1992 • European Tour player of the year, 1989, 1990, 1992 • U.S. PGA Tour player of the year, 1990 • Member, European Ryder Cup team, 1977-79, 1981-83-85-87-89, 1991-93-95-97 • Captain, European Ryder Cup team, 2008

Bernhard Langer (1957-)

เป็นนักกอล์ฟเยอรมันคนแรกที่ชนะรายการ German Open เขาชนะรายการ Master 2 ครั้งนอกนั้นไม่เคยชนะรายการใหญ่รายการอื่นๆ เลย ประสบปัญหาเรื่อง Yip หรือการพัตต์ระยะสั้นพลาดจนต้องเปลี่ยนรูปแบบวิธีการพัตต์อยู่เสมอ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นนักกอล์ที่คู่แข่งจะประมาทไม่ได้เลย ปัจจุบัน เขายังลงแข่งขันอยู่ใน Champions PGA Tour และยังอยู่ในระดับแนวหน้าอีกด้วย

Tour Victories: • PGA Tour: 3 • European Tour: 42 • Champions Tour: 45 Major Championships: 2 • The Masters: 1985, 1993 Awards and Honors: • Member, World Golf Hall of Fame • European Tour money leader, 1981, 1984 • European Tour player of the year, 1985, 1993 • 10-time member, European team, Ryder Cup • Captain, European Ryder Cup team, 2004