
ประวัติความเป็นมาของลูกกอล์ฟ
THE HISTORY OF GOLF BALLS.
ลูกกอล์ฟเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลยในการเล่นกอล์ฟ และมีจุดกำเนิดมาพร้อมกับการเล่นกอล์ฟ มีวิวัฒนาการและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องยาวนานเป็นร้อยปี นักกอล์ฟควรได้รับทราบถึงประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของลูกกอล์ฟที่เราใช้ตีกัน เป็นความรู้ติดตัวไปกันครับ
ลูกกอล์ฟก็มีประวัติที่ยาวนานกว่า 500ปี มีการพัฒนาควบคู่กับการเล่นกอล์ฟมาเป็นลำดับ โดยจะแบ่งช่วงเวลาตามวิวัฒนาการ การใช้วัสดุในการทำลูกกอล์ฟออกเป็น 4 ช่วงใหญ่ๆ คือ
1.ลูกกอล์ฟที่ทำจากไม้ ( Wooden Golf Ball )
2.ลูกกอล์ฟที่ทำจากหนังสัตว์หุ้มขนนก ( Feathery Golf Ball )
3.ลูกกอล์ฟที่ทำจากยางไม้ ( Gutta Percha Golf Ball )
4.ลูกกอล์ฟในปัจจุบัน ( Modern Golf Ball )
1.ลูกกอล์ฟที่ทำจากไม้ ( Wooden Golf Ball )

ต้นศตวรรษที่ 15 ได้พบไม้และลูกกอล์ฟทำจากฮอลแลนด์ที่ใช้ในเกมส์ที่เรียกกันว่า “colf” ซึ่งมีลักษณะการเล่นคล้ายกับกีฬากอล์ฟในปัจจุบัน แต่จะเล่นกันบนลานน้ำแข็ง ชาวสก็อตนำเข้าลูกกอล์ฟที่ทำจากไม้ข้ามจากทะเลเหนือเมื่อ ค.ศ. 1496 เป็นเกมส์ดั้งเดิมที่ชาวดัชท์เล่นลูกทำจากแกนไม้เนื้อแข็งจากต้น elm หรือต้น beech ความเรียบของลูกไม่มีคุณสมบัติทาง Aerodynamics และลูกกอล์ฟไม้นี้ถูกใช้จนถึงกลางศตวรรษที่ 15
2. ลูกกอล์ฟที่ทำจากหนังสัตว์หุ้มขนนก ( Feathery Golf Ball )
เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของลูกกอล์ฟ ทำให้เกิดแนวคิดดัดแปลงมาทำเป็นลูก “ขนสัตว์ปีก (feathery)” ซึ่งห่อหุ้มด้วยหนังสัตว์ ใช้ในช่วงปลายศควรรษที่ 17 ถึงต้นศตวรรษที่ 18 และใช้กันมายาวนานมากกว่า 400 ปี แต่เป็นลูกกอล์ฟที่มีขั้นตอนการผลิตที่ยุ่งยากมาก และต้องอาศัยความชำนาญ ใช้เวลาในการผลิตแต่ละลูกนานเป็นสัปดาห์ จึงมีราคาสูงและหายาก เป็นอีกข้อจำกัด ที่กีฬากอล์ฟจึงเล่นกันในเฉพาะผู้คนในสังคมชั้นสูง

การผลิตลูกกอล์ฟ Feathery Golf Ball
- นำแผ่นหนังที่ตัดเป็นชิ้น เย็บให้แน่นหนา มีช่องเล็กไว้อัดขน
- กลับถุงหนังจากนอกเข้าใน
- ต้มขนห่านหรือขนไก่ให้อ่อนนุ่ม
- อัดขนห่านเข้าไปในถุงหนังให้แน่น และเย็บปิดให้สนิท
- ตากจนขนห่านขยายตัวและแข็ง
- ตีขึ้นรูปให้เป็นทรงกลมมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 นิ้ว
- ทาสีพอกไว้หลายชั้นกันน้ำ
- มีราคาแพง
- ช่างที่ชำนาญทำได้ 4-5 ลูกต่อวัน
- ใช้เล่นมา 400 ปี
- ลูกพุ่งออกไปมีวิถีโค้ง และมีการเด้งดีกว่าลูกทำด้วยแกนไม้
- ค.ศ.1836 มีการบันทึกที่สนามเซนต์แอนดรูวส์ ไดร์ฟออกไปได้ไกลถึง 361 หลา
3. ลูกกอล์ฟที่ทำจากยางไม้ ( Gutta Percha Golf Ball )
เริ่มมีการผลิต Gutta Percha Golf Ball ในปี ค.ศ.1848 กัทท่า เปอช่า ทำจากต้น sapodilla ที่มียางเหนียวลักษณะคล้ายยางพารา และมีราคาถูกกว่าลูกขนห่านมาก จึงทำให้กีฬากอล์ฟเป็นที่แพร่หลายได้มากยิ่งขึ้น นิยมใช้จนถึงต้นศตวรรษที่ 19 ลูกชนิดนี้แตกกลางอากาศได้ง่าย จึงทำให้ต้องแก้ไขกฏให้มีการเปลี่ยนลูกใหม่ได้ ถ้าลูกแตกเป็นชิ้น จากนั้นได้มีการพัฒนาลูกให้คงทนมากขึ้น มีการเซาะร่องทำให้เหินขึ้นไปในอากาศดีกว่าเดิมมาก มีการพัฒนาวัสดุและวิธีการผลิตลูกกอล์ฟโดยใช้ยางเหนียวจากหมู่เกาะมาลายา ให้มีความคงทนมากขึ้น


การผลิตลูกกอล์ฟ Gutta Percha Golf Ball
- นำยางมาต้มให้นิ่มแล้วนำไปอัดบนแท่นปั๊มขึ้นรูป
- ทิ้งให้เย็นลงจะมีความแข็ง
- ร่องทำให้เหินขึ้นไปในอากาศดีกว่าเดิม
- สามารถผลิตขึ้นมาง่ายและจำนวนมาก
- มีราคาถูกกว่า
- เป็นวิวัฒนาการด้านอุตสาหกรรม ทำให้กอล์ฟเป็นกีฬาที่นิยมเล่นกว้างขวางกว่าเดิม
4. ลูกกอล์ฟในปัจจุบัน ( Modern Golf Ball )
มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาลูกกอล์ฟ ทำให้ลูกกอล์ฟมีแกนกลางแล้วหุ้มด้วยยาง โดยเปลือกที่หุ้มภายนอกจะมีรอยบุ๋ม ทำให้ลูกกอล์ฟชนิดนี้ตีได้ไกลและควบคุมได้ง่ายยิ่งขึ้น ลูกกอล์ฟชนิดนี้ผู้ที่คิดค้นคือ โคเบอร์น ฮัสเกล ชาวอเมริกา( Cooburn Haskell ) ในปี ค.ศ.1901 และถือเป็นต้นแบบของลูกกอล์ฟในปัจจุบัน ซึ่งมีการผลิตเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ สามารถผลิตลูกกอล์ฟได้จำนวนมาก และยังพัฒนาต่อยอด ให้มีเทคโลโลยี่ที่ทำให้เที่ยงตรงขึ้น ไกลขึ้น ควบคุมได้ง่ายยิ่งขึ้น ทำให้กีฬากอล์ฟสามารถแพร่หลายและเข้าถึงกลุ่มผู้คนทุกชนชั้น.

The Modern Ball
USGA และ R&A ได้กำหนดน้ำหนักและขนาดให้เป็นมาตรฐาน
ค.ศ. 1850: เมื่อมีการใช้ลูกกอล์ฟที่ทำมาจากยางธรรมชาติ ได้เพิ่มกฏให้ดรอปลูกใหม่ได้หากผู้เล่นตีลูกแตก
ค.ศ. 1922: เริ่มกำหนดน้ำหนักและกำหนดระยะทางของลูกกอล์ฟเป็นครั้งแรก
ค.ศ. 1990: กำหนดให้ลูกที่ถูกต้องตามกฏข้อบังคับมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.68 นิ้ว


